✅ ผู้ให้บริการหลายรายที่ใช้งาน AWS ได้ยืนยันว่า “ต้นเหตุอยู่ที่ AWS” เช่น startup ด้าน AI Perplexity AI ประกาศว่า “root cause is an AWS issue”
ผลกระทบแพร่หลายไปทั่วโลก แม้จะเริ่มที่ US-EAST-1 เช่น แอป/เว็บไซต์ดัง ๆ เช่น Fortnite, Snapchat, Duolingo, และแอปธนาคารในสหราชอาณาจักร ก็มีรายงานว่าโดน
❓ ทำไมถึงล่ม
AWS ยังไม่ได้เปิดเผย “สาเหตุสุดท้าย (root cause)” อย่างละเอียดในเวลารายงานข่าว
แต่จากสื่อและข้อมูลประวัติของ AWS พบว่า มีสาเหตุที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้หลายอย่าง เช่น:
ปัญหาอุปกรณ์เครือข่าย (network devices) ในภูมิภาค US-EAST-1 เคยเป็นสาเหตุให้เกิด outage ใหญ่ ๆ
ปัญหาการกำหนดค่าอัตโนมัติที่ผิดพลาด (automated system mis-execution) ทำให้เกิด traffic ภายในสูงผิดปกติ และทำให้ระบบเครือข่ายภายในติดขัด
DNS/ระบบชื่อโดเมน หรือ API management ที่ผิดพลาดก็เคยเป็นสาเหตุของ outage แบบคล้ายกัน
สำหรับเหตุการณ์ล่าสุด รายงานจาก The Guardian ระบุว่า AWS พบว่า “ปัญหาที่อาจเป็นสาเหตุ (potential root cause)” อยู่ที่ DNS resolution ของ endpoint Amazon DynamoDB ในภูมิภาค US-EAST-1
ซึ่งหมายความว่า เมื่อ DynamoDB (บริการฐานข้อมูลของ AWS) มีปัญหา DNS ก็ส่งผลกระทบรุนแรงไปยังบริการอื่น ๆ ที่พึ่งพา DynamoDB หรือเชื่อมต่อผ่าน API ในภูมิภาคนั้น
📌 สรุป
การล่มครั้งนี้เกิดจากบริการภายในภูมิภาค US-EAST-1 ของ AWS เกิดปัญหา ซึ่งส่งผลให้บริการทั่วโลกที่พึ่งพา AWS ได้รับผลกระทบ
สาเหตุโดยละเอียดยังไม่เปิดเผยเต็มที่ แต่มีแนวโน้มว่าเกี่ยวข้องกับ DNS/endpoint ของ DynamoDB และ/หรือระบบเครือข่ายภายใน
เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า แม้บริการคลาวด์ “ระดับโลก” ก็ยังมีจุดอ่อน และการพึ่งพาระบบเดียว (single region หรือ single cloud provider) อาจมีความเสี่ยง